วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีการกู้ข้อมูลด้วยโปรแกรม พร้อมดาวน์โหลด

CardRecovery
ของกริ่นก่อนจะเริ่มเขียนบทความ บังเอิญอาทิตที่ผ่านมา admin ได้มีโอกาศไปเที่ยว ดอยอินทนนท์ ก็ถ่ายรูปกันตามปกติแต่เพื่อนยืมกล้องไปกดดูรูปทีถ่ายมาแต่ดันใช้ไม่เป็นดันไปกดลบทั้งหมด เลยทำให้เกิดที่มาของบทความผมของแนะนำว่าถ้ากดลบไปหมดแล้วหากต้องการจะกู้คือข้อมูลควรหยุดถ่ายภาพต่อ หรือเปลี่ยน Memory, SD Card อันใหม่ใส่ไปเดี่ยวหากถ่ายต่อไปแล้วข้อมูลจะทับอาจกู้ได้ไม่สมบรูณ์ คราวนี้มาดูโปรแกรมที่ผมจะแนะนำให้ใช้กันดีกว่าครับผมใช้โปรแกรมที่กู้รูปภาพ ด้วยโปรแกรม CardRecovery
วิธีกู้ไฟล์รูป
หลังจากทำการติดตั้งโปรแกรม ให้เราทำการเสียบ SD Card , หรือ Memory Card เข้าไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์เราแล้วดูชื่อไดร์ตรง MyComputer



จากรูป จะเป็นว่าแสดง SD Card เป็นไดร์ (G:) (สังเกตุว่าไม่มีข้อมูลอะไรเลย)
-เปิดโปรแกมขึ้นมา การทำงานจะแบ่งเป็น 4step ง่ายๆ
1. stepแรกเลือก ไดร์ที่จะกู้ /ยี้ห้อกล้อง/ไฟล์ที่ต้องการจะกู้ (รูปภาพ,วิดิโอ,ไฟล์เสียง)


(รูปหน้าตา step แรก)
2. stepที่สอง โปรแกรมจะทำการ scan หาไฟล์ที่ลบไปล่าสุดย้อนหลังตามจำนวน card เรา (เช่น Card เราขนาด 1GB ก็กู้ได้ประมาณนั้น)


(รูป step2)
3.stepที่สาม เมื่อกู้เสร็จแล้ว เลือกกดดู PreView ดูแล้วเลือกรูปที่จะเชฟ หากต้องการเลอืกรูปทั้งหมดให้กดที่  Select All จากนั้นกด Next


(เลือกรูปทั้งหมด สังเกตุตรง  total 307 รูป seleced 307 รูป)
step สุดท้าย Save iรูปที่กู้ เมื่อ Save เสร็จก็กดOpen Recoverd File Foldor  เพื่อเปิดไฟล์ที่กู้


รูป Step สุดท้าย
หากหาไม่เจอว่าภาพมันเชฟที่ตรงไหน ให้ไปที่ ไดร์ C : Progarm File /CardRecovery/Recovered
OO.DiskRecovery8
เกิ่นนำกันหน่อยกับโปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ซึ่งพัฒนาขึ้นมาให้ผู้ใช้งานได้มีโอกาสดาวน์โหลดมาใช้งานกันแบบฟรีๆ เป็นโปรแกรมสำหรับกู้ข้อมูลจากพื้นที่เก็บข้อมูลหลัก ไม่ว่าจะเป็น Harddisk (ฮาร์ดดิสก์), Flash Drive หรือ USB และอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่รวมอุปกรณ์เก็บข้อมูลประเภท CD/DVD นะจ๊ะ
ขั้นตอนแรกก็ดาวน์โหลดโปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva มาติดตั้งกันก่อนเลย (Recuva รองรับภาษาไทยด้วย)


เมื่อติดตั้งซอฟต์แวร์กู้ข้อมูลกันเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็เปิดโปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ขึ้นมากันเลย แล้วเราก็เลือกประเภทไฟล์ที่เราต้องการจะกู้คืนข้อมูล แนะนำให้เลือกให้ตรง เพราะว่าจะทำให้การกู้ข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการเลือก “ไฟล์ทั้งหมด” ในที่นี้เราจะยกตัวอย่างการกู้คืนไฟล์ประเภท เพลง หรือรูปภาพ


จากนั้นเราก็จะเลือกที่อยู่ของไฟล์ที่เราลบไป หากจำไม่ได้ก็ให้เลือก “ฉันไม่แน่ใจ” แต่ถ้าจำที่อยู่ของไฟล์ได้ ก็จะช่วยให้โปรแกรมกู้ข้อมูลทำงานได้เร็วขึ้นอีกเช่นกัน ในที่นี้เราได้ทดสอบลบไฟล์จากถังขยะ จึงเลือกแบบ “ในถังขยะรีไซเคิล”


หลังจากนั้น โปรแกรม Recuva จะทำการ Scan หาไฟล์ที่ต้องการจะกู้คืนตามที่เราได้ตั้งค่าไว้โดยมีหน้าตาดังตัวอย่างรูปด่านล่างนี้


เมื่อทำการ Scan หาไฟล์เสร็จ จะขึ้นหน้าตาแบบนี้ ซึ่งก็เจอไฟล์ที่เราได้ทำการทดสอบลบจากถังขยะไปด้วย ให้เลือกที่ไฟล์ที่เราต้องการจะกู้ข้อมูล จากนั้นคลิกที่ “กู้คืน…” ที่มุมขวาด้านล่างตามรูปภาพประกอบ และเลือกที่อยู่ที่ต้องการจะบันทึกไฟล์ของคุณ จากนั้นจด “OK” ในที่นี้เราจะเก็บไฟล์ไว้หน้า Desktop 

เมื่อเราทำการกด OK ไปแล้ว โปรแกรมก็จะเริ่มต้นประมวลผลข้อมูลและทำการกู้ข้อมูลให้เรา ซึ่งหากไม่ได้กู้หลายๆไฟล์หรือไฟล์ขนาดไม่ใหญ่ ก็จะกู้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากๆ โดยจากตัวอย่างที่เรานำมาทดสอบกับโปรแกรม Recuva ก็คือการกู้ไฟล์เพลงกลับมานั่นเอง โดยมีความเร็วบอกดังรูปภาพด้านล่างนี้


โปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ใช้เวลาในการกู้ไฟล์เพลงของเราไปเพียงแค่ 0.14 วินาทีเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า โปรแกรมกู้ข้อมูลตัวนี้ทั้งฟรี ทั้งดี และเร็วแบบสุดๆจริงๆ
สำหรับท่านใดที่มีปัญหาลบข้อมูลออกจากพื้นที่เก็บข้อมูลแล้วอยากจะได้ข้อมูลกลับคืนมา ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ได้ที่เว็บไซต์ http://www.loadpai.com/download/recuva และขอขอบคุณทาง Loadpaiที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกู้ข้อมูลที่ละเอียดมากๆ ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานจริงๆ



PowerData
วิธีติดตั้งและใช้งานโปรแกรมกู้ข้อมูล Mini tool power data recovery free edition,Power data recovery free คือโปรแกรมกู้ข้อมูลที่ให้ใช้งานฟรี ไฟล์ที่เผลอลบ ฟอร์แมท ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล รูปภาพ ทั้งจาก Hard disk USB CD DVD,Power data recovery free ให้กู้ข้อมูลฟรีได้ในขนาด 1 GB หากต้องการใช้งานเต็มรูปแบบก็ต้องซื้อเวอร์ชั่นเต็ม เรามาดูวิธีติดตั้งใช้งานกันเลย.


1. Undelete Recovery ใช้กู้คืนไฟล์ข้อมูลที่เผลอลบหรือข้อมูลหลังจากลบไฟล์ข้อมูลออกจากถังขยะหรือกดปุ่ม SHIFT+DELETE ไฟล์ถูกลบทันทีไม่เหลือในถังขยะ (Recycle bin).
2. Damaged Partition Recovery ใช้กู้คืนไฟล์ข้อมูลที่เกิดจากพาร์ทิชั่นพังหรือถูกฟอร์เมตหรือเวลาเปิดไดร์ฟเจอข้อความ Do you want to format this drive? บอกให้ฟอร์เมตพาร์ทิชั่นฮาร์ดิสก์ซึ่งเป็นอาการของฮาร์ดดิสก์ใกล์พัง ควรทำการสำรองข้อมูลไว้โดยด่วน แต่ถ้าสำรองข้อมูลไว้ไม่ได้ก็ต้องใช้ฟังก์ชั่นนี้เพื่อกู้ข้อมูลกลับคืนมา.
3. Lost Partition Recovery ใช้กู้คืนไฟล์ข้อมูลจากพาร์ทิชั่นที่เสียหายหรือถูกลบอาจด้วยโปรแกรมประเภทจัดการพาร์ทิชั่นหรือติดตั้งวินโดวส์ใหม่บนพาร์ทิชั่นเดิมและบางครั้งเกิดจากการใช้ System Restore.
4. Digital Media Recovery ใช้กู้คืนไฟล์หรือข้อมูลจากอุปกรณ์เก็บข้อมูลประเภท Digital Media ไม่ว่าจะเป็นเฟลชไดร์ฟ USB การ์ดหน่วยความจำ ไอพอด เฟลชการ์ด เป็นต้น เพราะหากไฟล์หรือข้อมูลจำพวกไฟล์เพลง รูปภาพ และวีดีโอ รองรับไฟล์นามสกุล JPG, CR2, CRW, DCR, MRW, NEF, ORF, PEF, RAF, SRF, X3F, TIFF, DWG, PSD, CDR, PSP, PCX, PNG, MP3, MP4, M4A, 3GP, WAV, ASF, WMA, WMV, MOV และ  AVI.
5. CD/DVD Recovery ใช้กู้คืนไฟล์ข้อมูลจาก CD DVD ที่เสียหาย เป็นรอยขีดข่วนหรือเปิดไม่ได้รองรับการกู้ข้อมูลแผ่น CD-ROM, CD-R, CD-RW, DVD-ROM, DVD-R และ DVD-RW แผ่น CD DVD ที่ถูก Format (RW Disk) แบบ Quick Format,ใช้กู้คืนไฟล์ข้อมูลจากการถูกเขียนทับแบบ UDF ด้วยโปรแกรม DirectCD, InCD และ packetCD ได้.

ขอบคุณข้อมูลจาก http://minggush.blogspot.com/2016/01/blog-post.html













วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Hardware Mornitor, IsMyLcdOK และ Process Explorer


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Hardware Mornitor
1. รันโปรแกรม Hardware Mornitor 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. ใช้สำหรับดูอุณหภูมิอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย IsMyLcdOK
1. รันโปรแกรม IsMyLcdOK 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. เป็นการตรวจเช็ค DeadPixel


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Process Explorer
1. รันโปรแกรม Process Explorer
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ ดูแลเครื่อง ตรวจสอบ การใช้งานของโปรเซส (Process) ต่างๆ ที่อยู่ใน เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ตรวจสอบการทำงานของ ระบบปฏิบัติการ Windows ได้เป็นอย่างดี และ ละเอียดมากๆ จากไฟล์ DLL ที่มีอยู่ในเครื่องคุณ โดยไม่ส่งผลกระทบอะไรใดๆ ต่อการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์คุณ





วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย CPU-Z, GPU-Z และ Hardware Infomation

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย CPU-Z
1. รันโปรแกรม CPU-Z 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป
ส่วนของแท็บ CPU


3. วิธีการดู CPU คือ ดูที่ Code Name, Cores และ Threads
ส่วนของแท็บ Mainboard

4. วิธีการดู Mainboard ดูที่ Manufacturer, Model และ Chipset
ส่วนของแท็บ Memory


5. วิธีการดู Memory ดูที่ Type และ Size ส่วนของแท็บ SPD

6. วิธีการดู SPD ดูที่ Slot #2 และ Manufacturerและส่วนของ
แท็บ Graphics


7. วิธีการดู Graphics ดูที่ Display Device Selection

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย GPU-Z
1. รันโปรแกรม GPU-Z 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป
ส่วนของแท็บ Graphics Card


3. วิธีการดู Graphics Card ดูที่ DirectX Support

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Hardware Infomation
1. รันโปรแกรม Hardware Information 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป











วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP, Windows Vista และ Windows 7

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP

วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่ 
        ถ้าวินโดวส์มีป้ญหาไม่สามารถบู๊ตขึ้นภาพ Windows XP คุณๆจะมีวิธีของตนเอง เช่น เอาไฟล์ที่ ghost ไว้มาใช้ แต่ก็ปัญหาคือ ไฟล์ที่ได้ไม่ใช่ข้อมูลปัจุบัน หรือ format ลงวินโดวส์ใหม่ชึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยต้องลงโปรแกรมใหม่เป็นสิบตัว ยังต้องเสียเวลา Crack อีก ข้อมูลที่คุณทำไว้ก็หายหมด มีวิธีการกู้แบบง่ายๆ ไปหาวิธีแบบยาก แล้วแต่เหตุการณ์ และสาเหตุ ซึ่งจะมีเทคนิคดังนี้

เทคนิคที่ 1 กู้แบบง่ายๆ 
   -สาเหตุ : ปกติคุณๆ มักชอบติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ผลปรากฎว่าเมื่อติดตั้งแล้วพอบู๊ตใหม่กลับบู๊ตไม่ขึ้นสาเหตุอาจมาจากโปรแกรมที่ติดใหม่ ติดตั้งไฟล์ระบบตัวเก่าทับตัวใหม่ ทำให้วินโดวส์ไม่รู้จักไฟล์ระบบ เลยทำให้เกิดหน้าจอดำค้างไม่บู๊ตเข้าหน้าจอเดสก์ทอป 
   -วิธีแก้ไข : อาจจะใช้วิธี System Restore ใน Safe Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ ขณะบู๊ตเครื่องใหม่ แล้วเลือกไปที่หัวข้อ Safet Mode กู้วันที่ย้อนหลังครั้งล่าสุดที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม ก็จะกู้ระบบครั้งล่าสุดให้ทันที ทำให้บู๊ตเข้าวินโดว์ส ได้ตามเดิม 

เทคนิคที่ 2 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom 
   -สาเหตุ : ปัญหานี้ส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากการติดตั้ง Patch file ตัวใหม่ๆ แล้วไม่สามารถรองรับไฟล์ระบบของวินโดวส์หรือก็อปปี๊ไ ฟล์ .dll, .vdx, .inf ผิดเวอร์ชั่น หรือเผลอลบไฟล์ระบบบางตัว ก็เป็นสาเหตุได้ ฉะนั้นหากแก้ด้วยวิธีที 1,2 ไม่หาย ก็ต้องใช้วิธีที่ 3 ซ่อมแซมไฟล์ระบบใหม่ แทนที่จะเสียเวลาติดตั้งใหม่ วิธีนี้ก็จะช่วยย่นเวลาให้น้อยลง 
   -วิธีแก้ไข : เตรียมแผ่นบู๊ต CD Windows (แผ่นติดตั้งวินโดวส์) ใส่ใน CD-ROM แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้



1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป


2.จากนั้นก็จะเข้าหน้าจอ windows XP Lincesing Agreement หน้าที่สอง กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับการติดตั้งใหม่


3.เมื่อเข้าหน้าจอการติดตั้ง Windows XP เลือกไดรฟ์ที่ติดตั้งแล้วกดตัว R เพื่อซ่อมแซ่มไฟล์ที่สูญหายให้กลับคืนมาดังเดิม เมือเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไปก็ยังคงใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องติดตั้งใหม่ให้เสียเวลา 
        สำหรับผู้ที่ใช้ Harddisk แบบ SATA ในตอนบู๊ตแผ่นติดตั้ง Windows ให้กด F6 เพื่อติดตั้งไดรว์เวอร์ SATA ก่อนเข้าขั้นตอนที่ 1 ด้วย ไม่เช่นนั้นวินโดวส์จะมองไม่เห็น Harddisk

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows Vista

ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ คืออะไร       
        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' คือ เครื่องมือการกู้คืนของ Windows ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่าง เช่น แฟ้มระบบที่สูญหายหรือเสียหาย ซึ่งอาจป้องกันไม่ให้ Windows เริ่มอย่างถูกต้องได้ เมื่อคุณเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะมีการสแกนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อค้นหาปัญหาแล้วพยายามแก้ไขเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณเริ่มอย่างถูกต้อง
        ถ้าคุณประสบปัญหาขณะพยายามเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' หรือถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มี 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณอาจเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดเครื่องมือด้วยตนเอง ตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิต

สามารถใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร
        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะอยู่บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ซึ่งอยู่บนดิสก์การติดตั้ง Windows นอกจากนั้นอาจมีการติดตั้ง 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' บนฮาร์ดดิสก์ของคุณ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีตัวเลือกการกู้คืนที่ได้ติดตั้งไว้ล่วงหน้า 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' อาจพร้อมท์ให้คุณเลือกในขณะพยายามแก้ไขปัญหา และถ้าจำเป็น อาจมีการเริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่ในขณะทำการซ่อมแซม

หากคุณมีดิสก์การติดตั้ง Windows

1. ใส่แผ่นดิสก์การติดตั้ง
2. เริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่คลิกปุ่ม เริ่ม Start windows คลิกที่ลูกศรถัดจากปุ่ม ล็อกแล้วคลิกเริ่มใหม่
3. ถ้าได้รับการพร้อมท์ ให้กดแป้นใดๆ เพื่อเริ่มการทำงานของ Windows จากแผ่นดิสก์การติดตั้ง ถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ถูกกำหนดค่าไว้ให้เริ่มทำงานจากซีดีหรือดีวีดี โปรดตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณ
4. เลือกการตั้งค่าภาษาของคุณ แล้วคลิก ถัดไป
5. คลิก ซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ของคุณ
6. เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการซ่อมแซม แล้วคลิก ถัดไป
7. บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ให้คลิก ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows 7

ฉันจะใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร
        ถ้ามีการตรวจพบปัญหาการเริ่มต้นระบบ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติและจะพยายามแก้ไขปัญหานั้น
        ถ้าปัญหานั้นรุนแรงพอที่จะทำให้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ไม่สามารถเริ่มทำงานได้ด้วยตัวเอง และคุณไม่สามารถเข้าถึงเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' บนฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณได้ คุณสามารถที่จะไปยังเมนูและเริ่ม 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้โดยใช้แผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows หรือดิสก์การซ่อมแซมระบบที่คุณสร้างก่อนหน้านี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows 7 มีอะไรบ้าง

ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows มีอะไรบ้าง
        เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' จะมีเครื่องมือหลายชนิด เช่น 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ที่สามารถช่วยคุณกู้คืน Windows จากข้อผิดพลาดร้ายแรง ชุดเครื่องมือนี้จะอยู่ในฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณ และในแผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows

หมายเหตุ
        คุณยังสามารถสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบที่มีเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ การสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบ
        หากคุณใช้แท็บเล็ตพีซีหรือคอมพิวเตอร์อื่นที่มีหน้าจอสัมผัส คุณอาจต้องเชื่อมต่อแป้นพิมพ์หรือเมาส์เพื่อใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' และเครื่องมืออื่นๆ ในเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'



เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'

ที่มา  http://windows.microsoft.com/th-                                                th/windows/support#1TC=windows-8
         
        http://ccs.wu.ac.th/page/th/view/1412








ประโยชน์ของพืช GMOs และ โทษของพืช GMOs

ประโยชน์ของพืช GMOs       
       GMOs คือผลผลิตจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพและชีววิทยาระดับโมเลกุล (molecular biology) โดยเฉพาะพันธุวิศวกรรมศาสตร์ ที่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับสูงมาก สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์และสถาบันวิจัยทั่วโลก ทุ่มเทพลังความคิดและทุนวิจัยจำนวนมหาศาลเพื่อศาสตร์นี้ คือ ความมุ่งหมายที่จะพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก ทั้งทางด้านโภชนาการ การแพทย์ และสาธารณสุข

        ความสำเร็จแห่งการพัฒนาศาสตร์ดังกล่าว มีรูปธรรมคือการยกระดับคุณภาพอาหาร ยา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ดังที่เราได้รับผลประโยชน์อยุ่ทุกวันนี้ และในภาวะที่จำนวนประชากรโลกเพิ่ม มากขึ้นทุกวัน ในขณะที่พื้นที่การผลิตลดลง พันธุวิศวกรรมเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดอันหนึ่ง ที่จะช่วยแก้ปัญหา การขาดแคลนอาหารและยาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากประสิทธิภาพของพันธุวิศวกรรมเป็นที่ยอมรับว่า สามารถช่วยเพิ่มอัตราผลผลิตต่อพื้นที่สูงขึ้นมากกว่าการผลิตในรูปแบบดั้งเดิม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเกษตรในสหรัฐอเมริกา และด้วยการที่พันธุวิศวกรรม สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ดังกล่าว จึงมีการกล่าวกันว่า พันธุวิศวกรรมคือการปฏิวัติครั้งใหญ่ในด้านการเกษตร และการแพทย์ ที่เรียกว่า
genomic revolution

        GMOs ที่ได้รับการพัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในหลายด้าน ได้แก่

ประโยชน์ต่อเกษตรกร
        1. ทำให้เกิดพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น ทนต่อศัตรูพืช หรือมีความสามารถในการ ป้องกันตนเองจากศัตรูพืช เช่น เชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย แมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ยาฆ่าแมลง และยาปราบวัชพืช หรือในบางกรณีอาจเป็นพืชที่ทนแล้ง ทนดินเค็ม ดินเปรี้ยว คุณสมบัติ เช่นนี้เป็นประโยชน์ ต่อเกษตรกร เราเรียกลักษณะเช่นนี้ว่าเป็น agronomic traits

        2. ทำให้เกิดพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะแก่การเก็บรักษาเป็นเวลานาน ทำให้สามารถอยู่ได้นานวัน และขนส่งได้เป็นระยะทางไกลโดยไม่เน่าเสีย เช่น มะเขือเทศที่สุกช้า หรือแม้จะสุกแต่ก็ไม่งอม เนื้อยังแข็ง และกรอบ ไม่งอมหรือเละเมื่อไปถึงมือผู้บริโภค ลักษณะนี้ก็ถือว่าเป็น agronomic traits เช่นเดียวกัน เพราะให้ประโยชน์แก่เกษตรกรและผู้จำหน่าย สินค้า GMOs ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้อยู่ในจำพวก ข้อ 1 หรือ ข้อ 2 ที่กล่าวมานี้

ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
        3. ทำให้เกิดธัญพืช ผัก หรือผลไม้ที่มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นในทางโภชนาการ เช่น ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่ม มากขึ้น หรือผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ให้ผลมากกว่าเดิม ลักษณะเหล่านี้เป็นการเพิ่มคุณค่าเชิงคุณภาพ (quality traits)

        4. ทำให้เกิดพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่มีคุณค่าในเชิงพาณิชย์ เช่น ดอกไม้หรือพืชจำพวกไม้ประดับสายพันธุ์ใหม่ที่มี รูปร่างแปลกกว่าเดิม ขนาดใหญ่กว่าเดิม สีสันแปลกไปจากเดิม หรือมีความคงทนกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็น quality traits เช่นกัน

        GMOs ที่มีลักษณะที่กล่าวมาในข้อ 3 และข้อ 4 นี้ในบางประเทศเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเริ่มมีจำหน่าย เป็นสินค้าแล้ว และคาดว่าจะมีความแพร่หลายมากขึ้นในช่วงหลายปีต่อจากนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ข้อ 1-4 นี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นการลัดขั้นตอนของการผสมพันธุ์พืช ซึ่งในหลายกรณีหากช่วงชีวิตของพืชยาว ทำให้ต้องกิน เวลานานกว่าจะได้ผลเนื่องจากต้องมีการคัดเลือกหลายครั้ง การทำ GMOs ทำให้ขั้นตอนนี้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น กว่าเดิมมาก

ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม
        5. คุณสมบัติของพืชที่ทำให้ลดการใช้สารเคมี และช่วยให้ได้พืชผลมากขึ้นกว่าเดิมมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง วัตถุดิบที่มาจากภาคเกษตร เช่น กากถั่วเหลือง อาหารสัตว์จึงมีราคาถูกลง ทำให้เพิ่มอำนาจในการแข่งขัน

        6. นอกจากพืชแล้ว ยังมี GMOs หลายชนิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น เอ็นไซม์ที่ใช้ ในการผลิตน้ำผักและน้ำผลไม้ หรือเอ็นไซม์ ไคโมซิน ที่ใช้ในการผลิตเนยแข็งแทบทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ ได้จาก GMOs และมีมาเป็นเวลานานแล้ว

        7. การผลิตวัคซีน หรือยาชนิดอื่นๆ ในอุตสาหกรรมยาปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ GMOs แทบทั้งสิ้น อีกไม่นานนี้ เราอาจมีน้ำนมวัวที่มีส่วนประกอบของยาหรือฮอร์โมนที่จำเป็นต่อมนุษย์ ซึ่งผลิตจาก GMOs ลักษณะที่กล่าวถึง ตั้งแต่ข้อ 6-8 ล้วนมีส่วนทำให้ลดต้นทุนการผลิตและเวลาที่ต้องใช้ลงทั้งสิ้น

ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
        8. ประโยชน์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมคือ เมื่อพืชมีคุณสมบัติสามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง อัตราการใช้สารเคมีเพื่อ ปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนถึงไม่ต้องใช้เลย ทำให้มีลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จากการใช้สารเคมี ปราบศัตรูพืช และลดอันตรายต่อเกษตรกรเองที่เกิดขึ้นจากพิษของการฉีดสารเหล่านั้นในปริมาณมาก (ยกเว้น บางกรณีเช่น พืชที่ต้านทานยาปราบวัชพืชที่อาจมีโอกาสทำให้เกิดแนวโน้มในการใช้สารปราบวัชพืชของบาง บริษัทมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่)

         9. หากยอมรับว่าการปรับปรุงพันธุ์ และการคัดเลือกพันธุ์พืชเป็นการเพิ่มความหลากหลายของสายพันธุ์ให้มากขึ้น แล้ว การพัฒนา GMOs ก็ย่อมมีผลทำให้เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพขึ้นเช่นกัน เนื่องจากยีนที่มีคุณสมบัติ เด่นได้รับการคัดเลือกให้มีโอกาสแสดงออกได้ในสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น

โทษของพืช GMOs
        เทคโนโลยีทุกชนิดเมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย ในกรณีของ GMOs นั้นข้อเสียคือ มีความเสี่ยงและความซับซ้อนใน การบริหารจัดการเพื่อให้มีความปลอดภัยเพื่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าโทษ แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามี ผู้ใดได้รับอันตรายจากการบริโภคอาหาร GMOs แต่ความกังวลต่อความเสี่ยงของการใช้ GMOs เป็นสิ่งที่ หลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น กรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้

ความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
        1. สารอาหารจาก GMOs อาจมีสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตราย เช่น เคยมีข่าวว่า กรดอะมิโน L-Tryptophan ของบริษัท Showa Denko ทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐเกิดอาการป่วยและล้มตาย อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นนี้แท้จริงแล้วเป็น ผลมาจากความบกพร่องในขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ (quality control) ทำให้มีสิ่งปนเปื้อนหลงเหลืออยู่ หลังจาก กระบวนการทำให้บริสุทธิ์ มิใช่ตัว GMOs ที่เป็นอันตราย

        2. ความกังวลในเรื่องของการเป็นพาหะของสารพิษ เช่น ความกังวลที่ว่า DNA จากไวรัสที่ใช้ในการทำ GMOs อาจเป็นอันตราย เช่น การทดลองของ Dr.Pusztai ที่ทดลองให้หนูกินมันฝรั่งดิบที่มี lectin และพบว่าหนูมีภูมิคุ้ม กันลดลง และมีอาการบวมผิดปกติของลำไส้ ซึ่งงานชิ้นนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง โดยนักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการออกแบบการทดลองและวิธีการทดลองบกพร่อง ไม่ได้มาตรฐานตามหลักการวิทยา ศาสตร์ ในขณะนี้เชื่อว่ากำลังมีความพยายามที่จะดำเนินการทดลองที่รัดกุมมากขึ้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ มากขึ้น และจะสามารถสรุปได้ว่าผลที่ปรากฏมาจากการตบแต่งทางพันธุกรรมหรืออาจเป็นเพราะเหตุผลอื่น

        3. สารอาหารจาก GMOs อาจมีคุณค่าทางโภชนาการไม่เท่าอาหารปกติในธรรมชาติ เช่น รายงานที่ว่าถั่วเหลืองที่ ตัดแต่งพันธุกรรมมี isoflavone มากกว่าถั่วเหลืองธรรมดาเล็กน้อย ซึ่งสารชนิดนี้เป็นกลุ่มของสารที่เป็น phytoestrogen (ฮอร์โมนพืช) ทำให้มีความกังวลว่า การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน estrogen อาจทำให้เป็นอันตรายต่อ ผู้บริโภคหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กทารก จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาผลกระทบของการเพิ่มปริมาณของสาร isoflavine ต่อกลุ่มผู้บริโภคด้วย

        4. ความกังวลต่อการเกิดสารภูมิแพ้ (allergen) ซึ่งอาจได้มาจากแหล่งเดิมของยีนที่นำมาใช้ทำ GMOs นั้น ตัวอย่าง ที่เคยมีเช่น การใช้ยีนจากถั่ว Brazil nut มาทำ GMOs เพื่อเพิ่มคุณค่าโปรตีนในถั่วเหลืองสำหรับเป็นอาหารสัตว์ จากการศึกษาที่มีขึ้นก่อนที่จะมีการผลิตออกจำหน่าย พบว่าถั่วเหลืองชนิดนี้อาจทำให้คนกลุ่มหนึ่งเกิดอาการแพ้ เนื่องจากได้รับโปรตีนที่เป็นสารภูมิแพ้จากถั่ว Brazil nut บริษัทจึงได้ระงับการพัฒนา GMOs ชนิดนี้ไป อย่างไร ก็ตามพืช GMOs อื่นๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปในโลกในขณะนี้ เช่น ถั่วเหลืองและข้าวโพดนั้น ได้รับการประเมิน แล้วว่า อัตราความเสี่ยงไม่แตกต่างจากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่ปลูกอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน

        5. การตบแต่งพันธุกรรมในสัตว์ปลอดภัยต่อผู้บริโภคหรือไม่? ในบางกรณี วัว หมู รวมทั้งสัตว์ชนิดอื่นที่ได้รับ recombinant growth hormone อาจมีคุณภาพที่แตกต่างไปจากธรรมชาติ และ/หรือมีสารตกค้างหรือไม่ ขณะนี้ยัง ไม่มีข้อยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม สัตว์มีระบบสรีระวิทยาที่ซับซ้อนมากกว่าพืช และเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้การตบแต่งพันธุกรรมในสัตว์ อาจทำให้เกิดผลกระทบอื่นๆ ที่ไม่คาดคิดได้ โดยอาจทำให้สัตว์มีลักษณะและ คุณสมบัติเปลี่ยนไป และมีผลทำให้เกิดสารพิษอื่นๆ ที่เป็นสารตกค้างที่ไม่ปรารถนาขึ้นได้ การตบแต่งพันธุกรรม ในสัตว์ที่เป็นอาหารโดยตรง จึงควรต้องมีการพิจารณาขั้นตอนการประเมินความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากกว่า เชื้อจุลินทรีย์และพืช

        6. ความกังวลเกี่ยวกับการดื้อยา กล่าวคือเนื่องจากใน marker gene มักจะใช้ยีนที่สร้างสารต่อต้านปฏิชีวนะ (antibiotic resistance) ดังนั้นจึงมีผู้กังวลว่าพืชใหม่ที่ได้อาจมีสารต้านปฏิชีวนะอยู่ด้วย ทำให้มีคำถามว่า
             6.1 ถ้าผู้บริโภคอยู่ในระหว่างการใช้ยาปฏิชีวนะอยู่ อาจจะทำให้การรักษาไม่ได้ผลหรือไม่ เนื่องจากมีสารต้าน ทานยาปฏิชีวนะอยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นปัญหาที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย และสามารถแก้ไข หรือหลีกเลี่ยงได้
             6.2 ถ้าเชื้อแบคทีเรียที่ตามปกติมีอยู่ในร่างกายคน ได้รับ marker gene ดังกล่าวเข้าไปโดยผนวก (integrate) เข้าอยู่ในโครโมโซมของมันเอง ก็จะทำให้เกิดแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อยาปฏิชีวนะได้ ข้อนี้มีโอกาสเป็นไปได้ น้อยมาก
แต่เมื่อมีความกังวลเกิดขึ้น ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จึงได้คิดค้นวิธีใหม่ที่ไม่ต้องใช้ selectable marker ที่เป็นสาร ต่อต้านปฏิชีวนะ หรือบางกรณีก็สามารถนำยีนส่วนที่สร้างสารต่อต้านปฏิชีวนะออกไปได้ก่อนที่จะเข้าสู่ห่วงโซ่ อาหาร

        7. ความกังวลเกี่ยวกับการที่ยีน 35S promoter และ NOS terminator ที่อยู่ในเซลล์ของ GMOs จะหลุดรอดจากการ ย่อยภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ เข้าสู่เซลล์ปกติของคนที่รับประทานเข้าไป แล้วเกิด active ขึ้นทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของยีนในมนุษย์ ซึ่งข้อนี้จากผลการทดลองที่ผ่านมายืนยันได้ว่า ไม่น่ากังวลเนื่องจากมีโอกาส เป็นไปได้น้อยที่สุด

        8. อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังบ้างในบางกรณี เช่น เด็กอ่อนที่มีระบบทางเดินอาหารที่สั้นกว่า ผู้ใหญ่ทำให้การย่อยอาหารโดยเฉพาะ DNA ในอาหาร เป็นไปโดยไม่สมบูรณ์เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ ในข้อนี้แม้ว่า จะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอันตรายค่อนข้างต่ำ แต่ก็ควรมีการวิจัยโดยละเอียดต่อไป

ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม
        9. มีความกังวลว่า สารพิษบางชนิดที่ใช้ปราบแมลงศัตรูพืช เช่น Bt toxin ที่มีอยู่ใน GMOs บางชนิดอาจมีผล กระทบต่อแมลงที่มีประโยชน์ชนิดอื่นๆ เช่น ผลการทดลองของ Losey แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ที่กล่าวถึงการ ศึกษาผลกระทบของสารฆ่าแมลงของเชื้อ Bacillus thuringiensis (บีที) ในข้าวโพดตบแต่งพันธุกรรมที่มีต่อผีเสื้อ Monarch ซึ่งการทดลองเหล่านี้ทำในห้องทดลองภายใต้สภาพเงื่อนไขที่บีบเค้น และได้ให้ผลในขั้นต้นเท่านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการทดลองภาคสนามเพื่อให้ทราบผลที่มีนัยสำคัญ ก่อนที่จะมีการสรุปผลและนำไปขยายความ

        10. ความกังวลต่อการถ่ายเทยีนออกสู่สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพเนื่องจาก มีสายพันธุ์ใหม่ที่เหนือกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมในธรรมชาติ หรือลักษณะสำคัญบางอย่างถูกถ่ายทอดไปยังสายพันธุ์ ที่ไม่พึงประสงค์ หรือแม้กระทั่งการทำให้เกิดการดื้อต่อยาปราบวัชพืช เช่น ที่กล่าวกันว่าทำให้เกิด super bug หรือ super weed เป็นต้น ในขณะนี้มีการวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับการถ่ายเทของยีน แต่ยังไม่มีข้อยืนยันในเรื่องนี้

ความกังวลในด้านเศรษฐกิจ-สังคม
        11. ความกังวลอื่นๆ นั้นมักเป็นเรื่องนอกเหนือวิทยาศาสตร์ เช่น ในเรื่องการครอบงำโดยบรรษัทข้ามชาติที่มีสิทธิ บัตร ถือครองสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับ GMOs ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทาง อาหาร ตลอดจนปัญหาความสามารถในการพึ่งตนเองของประเทศในอนาคต ที่มักถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงโดย NGOs และปัญหาในเรื่องการกีดกันสินค้า GMOs ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาของ ประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน

        แม้ว่าจะมีความกังวลอยู่ แต่ควรทราบว่า GMOs เป็นผลิตผลจากเทคโนโลยีที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดอย่างหนึ่ง เท่าที่มนุษย์เคยคิดค้นมา ในประเทศไทยมีแนวปฏิบัติในเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพสำหรับนักวิจัย (biosafety guidelines) ทุกขั้นตอน ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและในการทดลองภาคสนามเพื่อให้การวิจัยและ พัฒนา GMOs มีความปลอดภัยสูงสุด และเป็นพื้นฐานในการประเมินความเสี่ยงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการ ประเมินความเสี่ยงนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องในแต่ละสภาพแวดล้อม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้าน และรัดกุมที่สุด
        อย่างไรก็ดี กรณี GMOs เป็นโอกาสที่ดีในการที่ประชาชนในชาติได้มีความตื่นตัวและเร่งสร้างวุฒิภาวะ โดย เฉพาะอย่างยิ่งความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการตัดสินใจใดๆ ของสังคมควรเป็นไปโดยอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ และโดยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ การให้ความสำคัญกับที่มาของข้อมูลและการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล มิใช่เป็นไปโดยความ ตื่นกลัว หรือการตามกระแส

ที่มา http://digital.lib.kmutt.ac.th/magazine/issue4/articles/article2.html